การวางแผนทรัพยากร ด้วยระบบ MRP เป็นการเพิ่มความแม่นยำและลดความสูญเสียในธุรกิจได้อย่างมหาศาล
ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนในการผลิต
แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อตลาดเปลี่ยนแปลงได้
MRP หรือ Material Requirements Planning คือ การวางแผนความต้องการสดุที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการ
โดยการใช้ข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อวางแผนการจัดหาวัสดุและวัตถุดิบที่จำเป็นในกระบวนการผลิต
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบและประเมินความต้องการของวัสดุ เพื่อให้สามารถจัดการระดับสินค้าและตารางการผลิต ให้มีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของการใช้ MRP
- ลดต้นทุนสินค้าคงคลัง
- MRP ช่วยหลีกเลี่ยงการสต๊อกสินค้ามากเกินไปและสินค้าหมด ช่วยให้ลดต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลัง
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
- MRP ช่วยให้มั่นใจว่ามีวัตถุดิบพร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น ช่วยให้การผลิตราบรื่นขึ้นและใช้เวลาน้อยลง
- เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
- ด้วยการมั่นใจว่าสินค้าจะส่งมอบตรงเวลา MRP ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
- ให้การมองเห็นและการควบคุมที่ดีขึ้น
- MRP ช่วยให้ผู้ผลิตเข้าใจข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการดำเนินงานของตน ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
MPR ทำงานอย่างไร
ที่มา : Everything You Need to Know About Material Requirements Planning (MRP) | Odoo
MRP ใช้ข้อมูลจาก Master Production Schedule (MPS), Bill of Materials (BoM) และบันทึกสินค้าคงคลัง เพื่อทำตอบประเด็น ต้องการสินค้าอะไรบ้าง กี่รายการ และเมื่อไหร่
- Master Production Schedule (MPS) แผนงานนี้ระบุว่าต้องผลิตสินค้าอะไรและจำนวนเท่าใดในระยะเวลาที่กำหนด
- แผนแบบรวมศูนย์ที่แสดงผลิตภัณฑ์ที่ต้องผลิตจํานวนและเวลา มันให้ภาพรวมทั่วไปของขอบเขตการผลิตของ บริษัท ภายในช่วงเวลาที่กําหนดตามความต้องการที่คาดการณ์ไว้และข้อมูลการขายที่มีอยู่จากช่วงเวลาก่อนหน้า
- Bill of Materials (BoM) รายการนี้แสดงส่วนประกอบและวัตถุดิบทั้งหมดที่จำเป็นในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปแต่ละรายการ
- รายการที่ครอบคลุมของวัตถุดิบส่วนประกอบส่วนประกอบย่อยและขั้นตอนที่จําเป็นในการผลิตหนึ่งหน่วยของผลิตภัณฑ์สําเร็จรูปแต่ละชิ้น ข้อมูลของ BoM กําหนดจํานวนส่วนประกอบที่จําเป็นในการผลิตผลิตภัณฑ์สําเร็จรูปตามจํานวนที่ต้องการ
- Inventory Records บันทึกนี้แสดงระดับปัจจุบันของวัตถุดิบทั้งหมดที่มีอยู่
- สถานะเรียลไทม์ของสินค้าทั้งหมดในสินค้าคงคลังรวมถึงวัตถุดิบและสินค้าสําเร็จรูปในมือหรือตามคําสั่งซื้อ
จากข้อมูลข้างต้น MRP จะสร้างข้อมูลต่างๆ เพื่อนำไปใช้งาน
- ใบสั่งซื้อ Purchase Orders (PO): จําเป็นต้องมีการซื้อผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบ และวัสดุเพื่อให้แน่ใจว่ามีวัสดุเพียงพอที่จะผลิต ด
- ใบสั่งผลิต Manufacturing Orders (MOs): ผลิตสินค้าแต่ละรายการ ตามปริมาณที่ระบุ ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยดึงข้อมูลจาก Bom เพื่อคํานวณส่วนประกอบและรายละเอียดการดําเนินงานที่จําเป็น
- Work Orders (WO): คำสั่งผลิตแยกแต่ละส่วนงานผลิต โดยจะมีข้อมูลเกี่ยวกับตําแหน่งที่การผลิตควรเกิดขึ้นต้นทุนที่เกี่ยวข้องและระยะเวลาที่คาดหวังของกิจกรรมการผลิต
- Reports: รายงานที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะสินค้าคงคัง ระดับสินค้าคงคลัง ตารางการผลิต ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สําหรับการประเมินความคืบหน้าและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลสําหรับธุรกิจ
นอกเหนือจากนี้ ระบบ MRP ของ Odoo ยังมีความสามารถในการจัดการวัตถุดิบและการควบคุมคุณภาพ
- การติดตามวัตถุดิบของ Odoo MPR
- การตั้งค่าในการจัดหาวัสดุ การเก็บข้อมูลหมายเลขล็อตและหมายเลขซีเรียลเป็นการรักษาความถูกต้องและความคล่องตัวในการจัดเก็บสินค้า การสร้างรายงานการตรวจสอบที่มีครบถ้วนช่วยให้ธุรกิจมองเห็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญภายในโซ่อุปทานได้อย่างชัดเจน การเรียกคืนสินค้าหรือการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของสินค้าก็สามารถทำได้โดยง่ายผ่านทางรายงานการตรวจสอบ Traceability Report ที่ระบุข้อมูลอย่างเป็นระบบ
- Odoo Quality ควบคุมคุณภาพ
- เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการควบคุมคุณภาพ การตรวจวัดและการแจ้งเตือนการขัดข้องในระบบช่วยให้ธุรกิจบันทึกรายละเอียดมาตรฐานของคุณภาพได้อย่างเชิงลึก เช่น การทดสอบ Pass-Fail ที่ช่วยในการตรวจสอบคุณภาพของส่วนประกอบและการตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกมีคุณภาพตามมาตรฐาน
- ระบบดำเนินการการผลิต (MES) ใน Odoo MRP
- เป็นตัวช่วยในการบันทึกและกำหนดคำสั่งการผลิตในที่ทำงาน
และรวบรวมข้อมูลที่สำคัญสำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพและคุณภาพ
โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลของอุปกรณ์โดยรวม (OEE) และเวลาที่ใช้ในการผลิต
เพื่อให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ต้นทุนและประสิทธิภาพในการผลิตได้อย่างเชิงลึกอย่างมีประสิทธิภาพ
Odoo Solution MRP เป็นเครื่องมือสำหรับผู้ผลิตทุกรายที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ผลิตบรรลุเป้าหมายในการดำเนินงาน
- เป็นตัวช่วยในการบันทึกและกำหนดคำสั่งการผลิตในที่ทำงาน
และรวบรวมข้อมูลที่สำคัญสำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพและคุณภาพ
โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลของอุปกรณ์โดยรวม (OEE) และเวลาที่ใช้ในการผลิต
เพื่อให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ต้นทุนและประสิทธิภาพในการผลิตได้อย่างเชิงลึกอย่างมีประสิทธิภาพ